'ซูซูกิ’ เติบโต 7% ยอดทะลุ 25,528 คัน คาดการณ์เป้าขายปี 64 รวม 30,000 คัน
2021-01-15
14 มกราคม 2564-กรุงเทพมหานคร-บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานความสำเร็จในการดำเนิน ธุรกิจประจำปี 2563 (เดือนมกราคม-เดือนธันวาคม) เติบโต 7% โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 25,528 คัน เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ตอกย้ำถึงความสำเร็จที่มาจากความมุ่งมั่นในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด การขาย และการบริการ ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เตรียมปรับแผนธุรกิจรุกตลาดรถยนต์ปี 2564 เสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ พร้อมเจาะลึกด้านงานขายและงานบริหารที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
นายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในทุกด้าน ทั้งยังรวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงเป็นปีที่หลายฝ่ายต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ แม้ซูซูกิจะได้รับผลกระทบอยู่บ้างแต่ก็ยังสามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมไปได้ถึง 25,528 คัน มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7% และมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 3.22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์มีตัวเลขยอดจำหน่ายอยู่ที่ 793,021 คัน ลดลง 21.29% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ผ่านมา
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิประจำปี 2563 แบ่งตามรุ่นดังนี้
- SUZUKI SWIFT สปอร์ตอีโคคาร์ยอดนิยม มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 10,320 คัน ลดลงจากปีก่อน 12.74%
- SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4,351 คัน คิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 195.18%
- SUZUKI CIAZ พรีเมียมอีโคคาร์ซีดาน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 3,047 คัน ลดลงจากปีก่อน 35.29%
- SUZUKI ERTIGA รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,766 คัน ลดลงจากปีก่อน 23.15%
- SUZUKI XL7 ใหม่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายนับตั้งแต่การเปิดตัว อยู่ที่ 2,560 คัน
- SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เปิดกระบะท้ายได้ 3 ด้าน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,433 คัน คิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8%
- SUZUKI JIMNY รถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็กมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 51 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11%
นายมิโนรุ อามาโนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางวิกฤติในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโรคร้าย ไปจนถึงการแข่งขันอันรุนแรงของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย แต่ยอดจำหน่ายรถยนต์หลายรุ่นของซูซูกิมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยจากการที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยด้านสินค้า เลือกใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคามากขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบและรัดกุม คำนึงถึงเรื่องของราคาและคุณภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันให้มีความคุ้มค่าอย่างสูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์จากซูซูกิหลากหลายรุ่นที่เข้ามาตอบรับความต้องการได้อย่างเหมาะสมในสภาวะการณ์เช่นนี้ ด้วยตัวเลขยอดจำหน่ายรวมของซูซูกิในปี 2563 ที่เติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า รถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญของผู้บริโภค ซึ่งต้องการมากกว่ายานพาหนะที่ออกแบบมาให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ในชีวิต ประจำวัน แต่ยังเป็นรถยนต์คุณภาพดีที่มอบทั้งความคุ้มค่า คุ้มราคา ให้ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
โดยเฉพาะกับ SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 328,000 บาท กลับมาได้รับความนิยมและสร้างยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง นอกจากสรรถนะการขับขี่อันดีเยี่ยม มอบความประหยัดอย่างเหนือชั้น ยังตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง ทั้งยังมีราคาจำหน่ายที่สามารถตัดสินใจครอบครองเป็นเจ้าของได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความสำเร็จให้แก่ซูซูกิเป็นอย่างมากกับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้บริโภคชาวไทย คือ SUZUKI XL7 ใหม่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมแนวคิด “THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต ด้วยสมรรถนะและฟังก์ชันที่ครบครัน พร้อมดีไซน์สปอร์ตสุดเร้าใจ ยกระดับความอเนกประสงค์ในทุกด้านของรถครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่งในประเทศไทยที่สามารถตอบโจทย์และสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว จากความนิยมดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันยังมียอดแบ็คออเดอร์ถึง 958 คัน ซึ่งซูซูกิจะเร่งส่งมอบให้ถึงมือลูกค้าอย่างเร็วที่สุดอย่างแน่นอน
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงทิศทางของตลาดรถยนต์ในปี 2564 โดยคาดว่ายอดจำหน่ายรวมในปีนี้จะอยู่ที่ 840,000 คัน ปัจจัยที่ยังน่ากังวล คือสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปยังหลายภาคส่วน ทั้งภาคอุตสากรรม การส่งออก การท่องเที่ยว รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชน และกำลังซื้อที่กำลังกลับมา เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เรายังเชื่อมั่นว่า ด้วยมาตรการการดูแลและควบคุมต่างๆ ของทางภาครัฐ ทั้งการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนชาวไทยซึ่งผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา จะสามารถปรับตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ได้ดีมากขึ้น ซึ่งเมื่อทุกฝ่ายมีความมุ่งมั่นในการจะฝันฝ่าวิกฤติระลอกใหม่ครั้งนี้ไปด้วยกัน ก็น่าจะช่วยให้สถานการณ์ทุกอย่างฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้โดยเร็ว
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับกลยุทธ์ของซูซูกิในปีนี้ จะยังคงเดินหน้าสานต่อแนวทางการบริหารงานอย่างครบวงจร เพื่อบริการลูกค้าและเจาะตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเข้าถึงมากยิ่งขึ้น ในด้านของผลิตภัณฑ์ เตรียมเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง NEW SUZUKI SWIFT ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากเป็นการเพิ่มเติมความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเต็มความต้องการของลูกค้ายังเป็นการต่อยอดความสำเร็จของรถรุ่นนี้ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมของซูซูกิมาโดยตลอดอีกด้วย โดยตั้งเป้าขายปีนี้ที่ 30,000 คัน
ด้านงานขายมีแผนที่จะพัฒนาและยกระดับพนักงานให้เข้าถึงช่องทางออนไลน์ปรับพฤติกรรมการขายและการดูแลให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคให้มีความแม่นยำ และโดนใจมากยิ่งขึ้น
ด้านงานบริการ ซูซูกิ มีแนวทางการพัฒนาไปร่วมกับทางผู้จำหน่ายมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังที่จะสร้างคุณค่าให้แก่งานบริการเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ล่าสุด เตรียมที่จะขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเพื่อดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เกินกว่า 140 แห่ง ภายในเดือนมีนาคมปี 2565 นี้
ทั้งนี้ ซูซูกิ มีความต้องการให้ผู้บริโภคทุกคนเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดี และการบริการที่ดีทั้งก่อนและหลังการขาย เราจึงไม่ได้มุ่งหวังแค่จะสร้างยอดขายให้เติบโตเพียงเท่านั้น แต่เราต้องการที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยต่อไปในอนาคต
สำหรับซูซูกิ มอเตอร์ประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคมไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยที่ผ่านมานอกจากความร่วมมือกับทางผู้จำหน่ายทุกราย จัดทำโครงการแครี่ ปันสุข และ บริการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในรถฟรีสำหรับลูกค้าที่ใช้รถยนต์ซูซูกิ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในช่วงโควิด-19 แล้วนั้น ซูซูกิยังเตรียมเริ่มโครงการ “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” เพื่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งด้านสินค้าและงานบริการในยุคที่การสื่อสารและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรวดเร็วและไร้ขีดจำกัด ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกได้อย่างทันท่วงทีและมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน รวมถึงส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในสินค้าและบริการของซูซูกิสู่ลูกค้าต่อไป โดยโครงการนี้ซูซูกิกำหนดให้ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศดำเนินการเป็นแนวทางการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ข่าวอื่น ๆ
ซูซูกิ ตอกย้ำแคมเปญแรงส่งท้ายปี “SUZUKI DEAL OF THE YEAR” ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ราคาเหมาะสม ผ่อนง่ายๆ เริ่มต้น 2,999 บาทต่อเดือน จ่ายสบายสูงสุด 99 เดือน ด่วน! ถึง 31 ธันวาคม 2567
ดูรายละเอียด“ซูซูกิ” ผนึกกำลังพันธมิตร ส่ง SUZUKI CARRY FOOD TRUCK และ BABER TRUCK ลงพื้นที่ช่วยเยียวยาประชาชนหลังผลกระทบน้ำท่วม จ.เชียงราย พร้อมร่วมระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้
ดูรายละเอียดซูซูกิ ผนึกกำลังผู้จำหน่าย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย 7 จังหวัด ภาคใต้ เร่งตรวจเช็ค ฟื้นฟู ซ่อมแซมรถยนต์ถูกน้ำท่วม มอบส่วนลดพิเศษ 30% ค่าแรง ค่าอะไหล่ ค่าเคมีภัณฑ์
ดูรายละเอียด